หยุด !! ทำสิ่งนี้ขณะขับรถ

 

          5 พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขณะขับรถ

 

        1. สตาร์ทแล้วออกรถทันที

 

     

 

     เมื่อรถยนต์จอดค้างคืนเอาไว้เกิน น้ำมันหล่อลื่นจะไหลลงไปค้างที่ก้นอ่าง ซึ่งเมื่อเราสตาร์ทเครื่องยนต์ แม้รถรุ่นใหม่ๆ

     จะมีระบบปั๊มน้ำมันเครื่องยนต์ที่ดีมากกว่าในอดีตที่จะสามารถดูดน้ำมันหล่อลื่นขึ้นมาเคลือบผิวชิ้นส่วนได้เร็วขึ้น

     แต่ก็ยังต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าจะมีน้ำมันหล่อลื่นเต็มระบบและพร้อมที่จะใช้งาน หากสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว ให้วอร์มเครื่องยนต์สักพัก

     โดยสังเกตว่า เมื่อสตาร์ทรอบเครื่องยนต์จะดีดขึ้นสูงกว่าปกติ เช่นจากปกติที่ 700-800 รอบต่อนาที เป็น 1,000-1,200 รอบต่อนาที

     ในช่วงเวลาไม่นาน 3-5 นาที รอบก็จะลดลง 900 รอบต่อนาทีโดยประมาณ และเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในอุณหภูมิทำงานจริงรอบก็จะลดลงมาปกติ

     ซึ่งจะช่วยให้ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น

 

        2. จอดติดไฟแดง เข้าเกียร์ P

 

     

 

     การจอดติดสัญญาณไฟแดง จะใช้เวลาไม่นานนัก รถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ (AUTO) สามารถค้างเกียร์ไว้ที่ D และเหยียบเบรคค้างไว้ได้

     โดยไม่ส่งผลต่อชิ้นส่วนในระบบใดๆ แต่ก็อาจเกิดการไหลไปด้านหน้าแบบไม่ตั้งใจได้ เมื่อเผลอคลายเบรคเพียงเล็กน้อย

     ต้องเพิ่มความปลอดภัยเพียงแค่เลื่อนเกียร์มาตำแหน่ง N และ ดึงเบรคมือเอาไว้ ปกติจะไม่แนะนำให้เข้าเกียร์ P ในการจอดลักษณะนี้

     เนื่องจากโอกาสที่รีบร้อนในการเลื่อนตำแหน่งลงมาผ่านตำแหน่งเกียร์ R จนอาจลืมคิดว่าเป็นการเลื่อนจาก N ลงมาที่ D  และเร่งเครื่องทันที

     รถอาจจะถอยหลังไปชนรถคันด้านหลังได้ค่ะ ดังนั้นจอดติดไฟแดงไม่นานก็ เข้า N ดึงเบรคมือ ก็เพียงพอค่ะ

 

        3. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

 

     

 

     การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถนั้น สมาธิจะลดลง การตัดสินใจ ปฏิกิริยาตอบสนองต่อการขับขี่ และการมองเห็นจะลดลง หากต้องการคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ

     อาจจะต้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเช่น สมอลทอล์ค, บลูทูธ หรือในรถยนต์รุ่นใหม่ก็มีระบบเชื่อมต่อไร้สายกับเครื่องยนต์

     อย่าง Apple CarPlay หรือ Android Auto ถ้าไม่มีจริงๆ ก็เปิด Speaker Phone ก็ย่อมได้ ส่วนแชทนั้นควรหาที่จอดรถให้ปลอดภัยก่อนจะดีกว่า

     เพื่อความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุ

 

        4. เร่งเครื่องค้างไว้เมื่อจอดทางลาดชัน

 

     

 

     การเร่งเครื่องยนต์ค้างรอบเอาไว้ป้องกันรถไหลเมื่อจอดค้างบนทางลาดชันนั้น (ในรถยนต์รุ่นที่ไม่มีระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน) ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

     เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้หากเผลอขยับเท้าขวาแรงเกินไปก็อาจพุ่งไปข้างหน้าได้

     สิ่งที่ควรทำเมื่อจอดบนทางลาดชันที่รถไม่มีระบบช่วยกันไหลถอยหลังนั้นคือ เหยียบเบรคค้างไว้ หรืออาจเข้าเกียร์ N และดึงเบรกมือในกรณีที่ทางไม่ลาดชันมากนัก

     และเบรคมือสามารถหยุดรถไหว และขณะที่จะเร่งออกตัวก็เพียงเข้า D และค่อยๆ เติมคันเร่งพร้อมกับปลดเบรคมือช้าๆ ไม่ควรเข้าเกียร์ P

     เพราะการที่รถจอดในทางลาดชันนั้นเมื่อเข้าเกียร์ P ชุดเฟืองทีล็อคเกียร์จะถูกขัดกันอย่างรุนแรงโดยเฉพาะเมื่อปลดจาก P ไปที่ D หากทำบ่อยๆ อาจชำรุดได้

 

        5. ออกรถอย่างรวดเร็วขณะเลี้ยวสุด

 

     

 

     ในรถรุ่นใหม่ๆ ส่วนมากเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า การหักเลี้ยวล้อสุด ข้อควรระวังคือ ค่อยๆ เร่งออกตัวช้าๆ เพราะในขณะที่ล้อถูกหักมุมเลี้ยวอยู่

     ชิ้นส่วนที่รับกำลังจากเครื่องยนต์เมื่อเร่งเครื่องคือเพลาขับนั่นเอง อาจทำให้ชุดลูกปืนเพลาเสียหายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งชุดลูกปืนเพลามักจะมาพร้อมเพลาทั้งชิ้น

     ดังนั้น ราคาจึงค่อนสูง จึงอาจทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น

 

          อย่างไรก็ตามการขับรถนอกจากการไม่ประมาทเพื่อลดอุบัติเหตุแล้ว ยังช่วยให้ไม่เดือดผู้อื่นบนท้องถนนอีกด้วย เพราะปัจจุบันนี้รถยนต์มีราคาสูง

     การใช้งานในรถจึงต้องระมัดระวังและถนอมรถที่สุด เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและยืดอายุอะไหล่รถได้นานขึ้นอีกด้วยค่ะ