7 วิธี ดูแลรถช่วงหน้าฝน

       

        1. รถลุยฝนมาให้รีบล้าง

 

     

 

     ขับรถผ่านฝนมา เมื่อถึงบ้านควรรีบฉีดน้ำล้างรถด้วยน้ำสะอาด เพื่อให้คราบสกปรกหลุดออก

     แล้วค่อยเช็ดรถด้วยผ้าเช็ดรถ หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้คราบรอยหยดน้ำเกาะฝังแน่น และที่สำคัญ

     ไม่ควรเช็ดรถทันทีหลังผ่านการตากฝนมา เพราะน้ำฝนมีการปนเปื้อนฝุ่น จะทำให้เกิดคราบสกปรกติดรถหรือเกิดรอยข่วนแมวได้

     ทำให้เกิดผลเสียต่อสีรถอีกด้วย

 

        2. ห้ามจอดรถใต้ต้นไม้

 

     

 

     ในช่วงหน้าฝนคือช่วงมรสุม อาจมีลมพายุฝนได้ และเป็นสาเหตุให้เกิดการร่วงหล่นของกิ่งไม้ ใบไม้ ดอกไม้ ถ้าเจอรถใต้ต้นไม้ในช่วงนั้น

     คงมีสภาพไม่ดีแน่ หากโชคร้ายก็อาจเจอกิ่งไม้ใหญ่หล่นใส่รถเรา ทำให้รถเสียหายได้ ฉะนั้นควรป้องกันไว้ก่อนค่ะ

     

        3. เคลือบสีรถช่วยได้

 

     

 

     หลายคนหลีกเลี่ยงการเข้าคาร์แคร์ช่วงหน้าฝน แต่รู้หรือไม่ว่าการนำรถไปเคลือบสีจะช่วยป้องกันการเกาะของน้ำ

     ป้องกันคราบสกปรกต่างๆได้ดี ทำให้เมื่อเราล้างน้ำเปล่าแล้วทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญช่วยรักษาสีของรถเราได้ดีอีกด้วย

     เนื่องจากน้ำฝนมีความเป็นกรดอ่อนๆ อาจจะทำให้กัดกินสีเคลือบรถเราได้ แล้วยังทำให้สีรถซีดลงได้

 

        4. เช็คใบปัดน้ำฝน

 

     

 

     ใบปัดน้ำฝนเป็นสิ่งที่ใช้บ่อยสุดในช่วงหน้าฝน จึงควรตรวจเช็คใบปัดน้ำฝน ว่ามีสภาพที่ดีหรือไม่ หากระหว่างใช้งานแล้วมีเสียงดัง

     แสดงว่าตัวยางมีการแข็งตัว หรือใช้แล้วมีรอยเส้นตามแนวปัด แสดงว่ายางมีการสึกหรอ มีรอยแตก หรือรอยขุย ต้องทำการเปลี่ยน

     หากใช้ไปจะทำให้กระจกเป็นรอยได้ และเมื่อใช้งานในช่วงฝนตก ก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้จากทัศนวิสัยที่ไม่ดี

 

        5. ตรวจเช็คสายไฟ และซีลยางภายในเครื่องยนต์

 

     

 

     เช็คสายไฟ และซีลยางภายในเครื่องยนต์ ว่าสายไฟมีรอยฉีกขาดหรือไม่ เพราะถ้ามีฉีกขาด หรือมีรอยรั่ว จะทำให้น้ำซึมเข้าไปจนเกิดไฟฟ้าลัดวงจร

     ทำให้เป็นอันตรายอย่างมาก ส่วนซีลยางภายในเครื่องยนต์ ต้องตรวจเช็คว่าไม่มีการเสื่อมสภาพ ไม่มีรอยขาด

     หากเกิดการรั่วซึมอาจทำให้น้ำเข้าไปสร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์ได้

 

        6. ตรวจเช็คซีลยางขอบประตู

 

     

 

     ซีลยางขอบประตูรถนั้นทำหน้าที่ปิดช่องว่างระหว่างรอยขอบประตู จะสามารถกันลม รวมถึงการรั่วซึมของน้ำฝนที่จะเข้ามาในรถด้วย

     สำหรับตัวซีลยางขอบประตูนั้นควรตรวจสอบทุกๆ 4 เดือน จะต้องเช็คว่าตัวซีลยางมีรูปทรงที่บิดเบี้ยวอยู่หรือไม่

     เมื่อใช้มือบีบจะต้องไม่นิ่มไป หรือแข็งไปตรวจเช็คว่าไม่มีรอยขาด หรือรอยแตก ถ้ามีสภาพที่ไม่เหมาะสม

     ควรรีบทำการเปลี่ยนทันที หากเกิดการรั่วซึมจะทำให้ภายในห้องโดยสารมีความเสียหาย และอาจจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่บานปลายได้

 

        7. หมั่นเช็คสภาพรถ

 

     

 

     การขับรถในหน้าฝน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก เป็นสาเหตุให้กลไกต่างๆสึกหรอเร็วขึ้น จึงควรหมั่นตรวจเช็คสภาพรถในส่วนต่างๆ

     ทั้งน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง ว่ามีน้ำเข้าไปผสมหรือไม่ รวมถึงตรวจเช็ค แบตเตอรี่, ไดชาร์จ, ระบบเบรค, ล้อรถ

     ให้มีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอเพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย

 

     เพื่อให้รถอยู่กับเราไปนานๆ ต้องหมั่นดูแลรักษา โดยเฉพาะหน้าฝนนี้ที่สำคัญ

     การหมั่นตรวจเช็คสภาพรถนอกจากจะเป็นการรักษารถแล้ว ยังเป็นการรักษาความปลอดภัยให้แต่ตัวเราเองด้วย